เครื่องอ่านบัตร ที่สามารถอ่าน NFC

การเข้าร่วมกิจกรรมโดยไม่ต้องสัมผัสด้วย QR Code

ระบบการลงทะเบียนและติดตามผล ในการเข้าร่วมงานกิจกรรมต่างๆ ที่มาหลังจากผ่าน Covid ที่เป็น New Normal

ตั้งแต่เกิดวิกฤตการณ์โรคระบาดโควิด ก็ส่งผลให้เกิด New Normal ใหม่ๆ ขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการใส่หน้ากาก กันมากขึ้น การเกิดรูปแบบการขนส่ง การขายสินค้าใหม่ๆ แต่สิ่งที่เป็น New Normal แบบใหม่ ที่อาจจะเรียกได้ว่า เปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิตกันไปเลย ก็คือ การไม่สัมผัสสิ่งของต่างๆ ง่ายๆ อีกต่อไป ไม่ว่าจะเป็นปุ่มลิฟต์ ราวจับต่างๆ คนเกิดความระมัดระวังกันมากขึ้น

แม้แต่การชำระเงิน ปัจจุบันเกิดสังคมไร้เงินสดกันมากขึ้น เปลี่ยนเป็นการโอน การจ่ายด้วยการ Scan QR Code ที่ง่าย ไม่ต้องสัมผัสกับเงินกันอีกต่อไป ซึ่งช่วยในเรื่องความสะดวกที่ไม่ต้องพกเงินสด ไม่ต้องสัมผัสธนบัตร ลดปัญหาได้หลายด้าน ซึ่งการที่ระบบ สแกนคิวอาร์โค้ด ได้รับการใช้งานบ่อยขึ้น ทำให้หลายคนอยากให้ระบบการตรวจสอบการเข้าออกสถานที่ต่างๆ รองรับระบบ QR เช่นกัน

 

การควบคุมการเข้าออก แบบไม่ต้องสัมผัส ด้วย QR Code

การควบคุมการเข้าออก หรือการจำกัดการเข้าออกนั้น ไม่จำเป็นต้องใช้กับอาคาร บ้าน สำนักงานเท่านั้น แต่มีการนำมาใช้กับงานประชุม งานสัมมนา งานกิจกรรมต่างๆ เพื่อจำกัดจำนวน จำกัดสิทธิ์ในการเข้าถึงสถานที่ ไม่ว่าจะด้วยเรื่องของความปลอดภัย การกำหนดจำนวน การประเมินความต้องการทางด้านอาหาร น้ำดื่ม หรืออาจจะใช้ในสถานที่อย่างสวนสนุก เรียกว่าได้ในทุกสถานที่ ที่ต้องใช้บัตรผ่านในการควบคุมการผ่านเข้างาน

ด้วยการใช้ เทคโยโลยี QR Code ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนการลงทะเบียนเก็บข้อมูล การยืนยันการเข้างาน การติดตามในการร่วมกิจกรรมของแต่ละบูธ หรืออาจจะเป็นการรับสิทธิ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอาหาร อุปกรณ์ที่ใช้ในสถานที่นั้นๆ ก็สามารถติดตามได้ด้วยการใช้ QR Code เดียว ลดความผิดพลาดในเรื่องเอกสาร การตรวจสอบ เพราะหากใช้ QR Code ยืนยันก็จะตรวจสอบได้ในทันที แบบ Real - Time

นอกจากนี้ยังช่วยให้ผู้จัดการสามารถรวบรวมข้อมูลที่มีค่าของผู้เข้าร่วมงานได้อย่างรครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กำหนดไว้ในระบบ ช่วยให้การจัดงาน ได้รับข้อมูลดิบที่ครบถ้วน นำไปต่อยอด หรือประเมินผลได้เป็นอย่างดี ทำให้ระบบ การควบคุมการเข้าออก แบบไม่ต้องสัมผัส ด้วย QR Code นี้ เป็นอีกระบบที่ช่วยในเรื่องของการจัดการข้อมูลผู้เข้าร่วมงานได้สะดวกมากยิ่งขึ้น

 

ข้อดีของ"การเข้าร่วมกิจกรรมโดยไม่ต้องสัมผัสด้วย QR Code"

  1. ลดความเสี่ยงในการแพร่กระจายของโรค
    ไม่เพียงแค่โรคระบาดอย่างโควิด แต่ยังมีเชื้อโรคอีกหลายอย่าง ไม่เว้นแม้แต่หวัดทั่วไป การที่ลดการสัมผัสอุปกรณ์ หรือสิ่งของร่วมกับย่อมช่วยลดการแพร่กระจายของเชื้อโรคต่างๆได้ จึงเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่อาจจะเปลี่ยนไปในสังคม ภายหลังจากวิกฤตการณ์โควิด และการใช้ระบบ QR Code ที่เป็นการเชื่อมต่อข้อมูลโดยที่ไม่ต้องสัมผัสกันและกัน จึงเป็นข้อดี ในการจัดงาน ไม่ว่าจะเป็นงานประชุมวิชาการ หรืองานเทศกาลที่มีการรวมกลุ่มคนเยอะๆ
  2. ความสะดวกรวดเร็ว
    การสแกนคิวอาร์โค้ด หรือบาร์โค้ด เพื่อยืนยันตัวตนใช้เวลาได้อย่างรวดเร็ว ไม่ต้องมีการพูดคุย เขียนเอกสาร หรือ ตรวจสอบเอกสารวุ่นวาย เมื่อเทียบกับการตรวจสอบตามวิธีปกติ
  3. ลดการใช้อุปกรณ์ และทรัพยากร
    ระบบ QR Code สามารถใช้เพียงกล้องโทรศัพท์มือถือทั่วไป เพื่ออ่านข้อมูล หรือแสดงข้อมูลเท่านั้น ทำให้สามารถเพิ่มพนักงานในการตรวจสอบได้อย่างง่ายดาย ไม่ต้องวิ่งหาสถานที่ อุปกรณ์เชื่อมต่อใดๆ เมื่อเทียบกับระบบ Access Control แบบอื่นๆ
  4. จัดการข้อมูล และติดตามผลได้ง่าย
    เพราะเป็นระบบ Web Base ทำให้การตรวจสอบข้อมูล เป็นไปแบบ Real-Time ข้อมูลมีเวลาแจ้งอย่างละเอียด ความผิดพลาด และยังนำไปใช้งานในรูปแบบอื่นๆ ภายในงานได้อีกหลากหลายรูปแบบ

ข้อด้อยของ"การเข้าร่วมกิจกรรมโดยไม่ต้องสัมผัสด้วย QR Code"

  1. ความไม่สะดวก
    ในบางครั้งผู้ที่มาร่วมงานอาจจะไม่พร้อมในการแสดง QR Code ไม่ว่าจะเป็น แบตโทรศัพท์มือถือหมด การลืมเซฟรูป QR เป็นต้น
  2. อาจเกิดปัญหาด้านเทคนิค
    ระบบการสแกน QR code อาจเกิดปัญหาได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นการสแกนไม่ได้ หรือข้อมูลของผู้กรอกระบุไม่ถูกต้อง
  3. ต้องมีสัญญาณอินเทอร์เน็ต
    การใช้งานระบบนี้จำเป็นต้องมีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต เพื่อตรวจสอบข้อมูลกับ Server จึงเป็นอีกข้อจำกัดหนึ่งของระบบงาน การเข้าร่วมกิจกรรมโดยไม่ต้องสัมผัสด้วย QR Code

เมื่อได้ทราบถึงข้อดีของระบบ QR Code ว่าสามารถใช้ในการควบคุมจำกัดสิทธิ์ แบบไม่มีการสัมผัส ไม่ต้องมีอุปกรณ์ และยังเอื้อประโยชน์มากมายให้กับผู้จัดงาน ช่วยลดงานให้กับผู้ที่เก็บข้อมูลให้สามารถได้รับข้อมูลได้อย่างครบถ้วน โดยรวมแล้วการใช้ระบบลงทะเบียนและการติดตามการเข้าร่วมกิจกรรม ด้วยเทคโนโลยี QR Code ช่วยให้กระบวนการง่ายขึ้นและสร้างประสบการณ์การประชุมที่มีประสิทธิภาพ ทั้งในเรื่องของการลดพนักงานในการตรวจสอบผู้เข้าร่วม ลดเวลาในการลงทะเบียนหน้างาน เพราะผู้เข้าร่วมงานสามารถลงทะเบียนได้ด้วยตนเอง สามารถจำกัดจำนวนผู้เข้าร่วมงานได้ การนำระบบ QR Code เข้ามาใช้เป็นการแก้ปัญหาที่ง่ายแต่ได้ผลที่มีศักยภาพในการเปลี่ยนวิธีการจัดการผู้เข้าร่วมงานกิจกรรม หรือสถานที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ระบบลิฟท์บ้าน ลิฟต์สำหรับ HOME Office

ระบบลิฟท์บ้าน ลิฟต์สำหรับ HOME Office

ระบบลิฟท์บ้าน พร้อมระบบรักษาความปลอดภัย

ในครั้งนี้ทางเราได้มีโอกาสบันทึกวิดีโอ การทำงานของลิฟท์บ้าน โดยระบบนี้มีการแบ่งออกเป็นทั้งในเรื่องการเปิดลิฟท์ที่ต้องมีการกดรหัส / ทาบบัตร / ตรวจสอบใบหน้า แบบใดแบบหนึ่งในผ่านก่อนที่ประตูลิฟท์จะเปิด และเพื่อความปลอดภัยที่มากขึ้น ก็จะต้องกดรหัสอีกครั้งเพื่อกดเลขชั้นของลิฟท์ หากไม่มีการกด ก็จะไม่สามารถกดใช้ลิฟท์ได้ ซึ่งเป็นการควบคุมความปลอดภัยมากขึ้นถึง 2 ชั้น สำหรับการใช้งานลิฟท์ภายในบ้าน เพื่อป้องกันคนนอก

ระบบลิฟท์บ้าน พร้อมระบบรักษาความปลอดภัย

ระบบลิฟท์ เป็นระบบที่มีการใช้งานในสถานที่ต่างๆ มักจะเป็นสถานที่ที่เป็นอาคารสูง โดยเฉพาะอาคารที่มีความสูง 5 ชั้นขึ้นไป กฎหมายจะบังคับให้มีการติดตั้งลิฟท์ แต่ทว่าในปัจจุบัน ห้องแถว หรืออาคารที่ทำขึ้นเพื่อเป็นสำนักงาน ที่เราเรียกกันว่า Home Office ก็เริ่มมีการติดตั้งลิฟต์แถมมาในตัวบ้าน เพื่อความสะดวกในการขึ้นลงบ้าน ในการขนของต่างๆ ทำให้เรื่องของระบบลิฟท์ในปัจจุบัน ไม่ได้เป็นเพียงแค่ระบบที่ใช้งานได้เฉพาะสถานที่อีกต่อไป แต่กลายเป็นระบบที่เหมาะกับทุกสถานที่ ไม่ว่าจะเป็นบ้านที่มากกว่า 2 ชั้น ระบบอาคารสำนักงาน ตึกอาคารพาณิชย์ ก็สามารถติดตั้งระบบลิฟท์เข้าไปได้

โดยเฉพาะลิฟท์บ้าน ซึ่งเป็นสินค้าที่เพิ่งได้รับความนิยมมากในช่วงนี้ ด้วยราคาที่ลดลงจากในอดีตทำให้หลายท่านเริ่มเข้ามาสนใจ เลือกใช้ลิฟต์ในรูปแบบนี้มากขึ้น ทั้งราคาที่ไม่แพงมากนัก ติดตั้งได้ง่าย รองรับอาคารพาณิชย์ทั่วไป ทำให้ลิฟท์บ้านกลายเป็นนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ชีวิต ไม่ว่าจะเป็นบ้านที่เป็นสำนักงาน ร้านขายของ หรือบ้านที่มีคนสูงวัน ผู้ป่วยอาศัย ไม่สะดวกในการเดินขึ้นลงบ้านมากนัก ก็สามารถเลือกใช้ลิฟท์แบบนี้ได้นั่นเอง

ระบบควบคุมทางเข้าออกสำหรับลิฟท์บ้าน

ระบบควบคุมทางเข้าออกสำหรับลืฟท์บ้านนั้น ทางเราได้พัฒนาร่วมกับบริษัททำลิฟท์ โดยทางบริษัทที่ทำลิฟท์นั้นจะมีการจ้างเราเพื่อทำระบบให้เปลี่ยนจากลิฟท์แบบเดิม ให้มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น การเพิ่มความปลอดภัยให้แก่บ้านนั้น โดยเฉพาะที่ทำเป็น Home Office  ย่อมมีความสำคัญ การที่ไม่ปล่อยให้บุคคลภายนอกเข้าไปภายในได้ง่ายๆ เป็นหัวใจสำคัญของระบบนี้โดยระบบนี้ จะมีการทำงานเป็นขั้นตอนดังนี้

  1. ต้องมีการสแกนใบหน้า ลายนิ้วมือ หรือกดรหัสก่อนใช้งาน
    หากไม่มีการสแกนใบหน้า ลายนิ้วมือ กดรหัสก่อนใช้งาน หรือการตรวจสอบพบว่าไม่ถูกต้อง ประตูของลิฟท์ก็จะไม่เปิด
  2. เมื่อประตูลิเปิดแล้ว มีการตรวจสอบอีกครั้งก่อนกดลิฟท์
    ภายในลิฟท์มีเครื่อง access control  เพื่อตรวจสอบอีกครั้งก่อนจะทำการกดลิฟท์ หากไม่มีการสแกนใบหน้า ลายนิ้วมือ หรือกดรหัส จะไม่สามารถกดชั้นที่ต้องการไปได้ ถือว่าเป็นการตรวจสอบแบบ  Double check

จากขั้นตอนจะเห็นได้ว่าการควบคุมลิฟท์ของเรา มีการตรวจสอบเข้มงวดมาก รองรับกับสถานที่ที่ต้องการการตรวจสอบอย่างแน่นหนา ทำให้มั่นใจได้ว่า ทุกการใช้งานลิฟท์ผ่านการตรวจสอบหลายขั้นตอน ทำให้สถานที่ที่ติดตั้งลิฟท์เป็นพื้นที่ส่วนตัว

ยิ่งไปกว่านั้นระบบควบคุมทางเข้าออกลิฟท์สำหรับลิฟท์บ้านในครั้งนี้ เป็นการทำงานควบคุมด้วยระบบการกดรหัส ทำให้การใช้ลิฟท์เป็นเรื่องที่สะดวก เมื่อเทียบกับการ ทาบบัตร แต่ระบบของเรา ก็รองรับการทำงานในรูปแบบอื่นๆได้ ไม่ว่าจะเป็นสแกนนิ้ว สแกนใบหน้า ตามแต่ที่ลูกค้าต้องการ

หากท่านต้องการระบบควบคุมทางเข้าออก ไม่ว่าจะสำหรับ รถ บ้าน ลิฟท์ อาคารสำนักงาน หอพัก สามารถเลือกใช้บริการจากทางเรา เพื่อให้ท่านได้รับความสะดวก และปลอดภัยในสถานที่ของท่านในราคาที่คุ้มค่า คุ้มราคาที่สุด

ระบบลิฟท์บ้าน ลิฟต์สำหรับ HOME Office

ระบบลิฟท์บ้าน ลิฟต์สำหรับ HOME Office พร้อมระบบควบคุมทางเข้าออก รักษาความปลอดภัย

ระบบควบคุมลิฟท์สำหรับอาคาร /ห้างร้าน

ระบบควบคุมลิฟท์สำหรับอาคาร /ห้างร้าน

ระบบควบคุม จำกัดการกดลิฟท์ สำหรับห้าง ร้าน

ระบบควบคุมการใช้ลิฟท์ ถูกคิดค้นเพื่อการป้องกันในเรื่องความปลอดภัย โดยมีรูปแบบการจำกัดการใช้งานที่แตกต่างกันไปตามจุดประสงค์ในการป้องกันความปลอดภัย  สำหรับในครั้งนี้ เราจะพามาดูหน้างานของเรามีเป็นร้านค้า อาคาร มีลิฟท์หลายชั้น เป็นเป็นการกำหนดชั้นที่ไม่สามารถกดลิฟต์ขึ้นไปได้ หากไม่ใช้พนักงาน หรือผู้ที่ได้รับอนุญาต

การกำหนดความปลอดภัยของสถานที่ ด้วยการควบคุมการใช้งานลิฟท์

สำหรับอาคารแล้ว นอกจากบันได และบันไดหนีไฟ ประตูหน้าของอาคารก็คือลิฟท์ การจะขึ้นไปที่ชั้นต่างๆ ผ่านทางลิฟท์เท่านั้น ทำให้กำหนดความเป็นส่วนตัวได้อย่างง่ายดาย ด้วยการจำกัดการกดลิฟท์ เพื่อเป็นการบล็อกเส้นทางสำหรับผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในชั้นนั้นๆ ไม่จำเป็นว่าจะใช้ได้เพียงอาคารสำนักงาน แต่อาคารห้าง ที่มีออฟฟิศ หรือ อาคารที่พัก ที่มีโซนที่เข้าได้เฉพาะสมาชิกก็สามารใช้งานระบบนี้ได้เช่นกัน

ระบบควบคุม จำกัดการกดลิฟท์ทำงานยังไง

ระบบที่เรารีวิววันนี้ เปิดให้กดลิฟท์ได้ทุกชั้น ยกเว้นเพียงแค่ชั้นที่จำกัดไว้ ที่ไม่สามารถกดได้ หากไม่มีการทาบบัตร หรือแสกนใบหน้า ทำให้ผู้ใช้บริการทั่วไปก็ได้รับความสะดวกในการใช้ลิฟท์ ไม่ต้องมีบัตรผ่านให้ยุ่งยาก สามารถกดลิฟท์ไปยังชั้นที่ต้องการได้ทันที และชั้นที่จำกัดไว้ก็ไม่สามารถไปได้นั่นเอง วิธีเดียวที่สามารถไปได้ คือไปกับผู้ที่ได้รับอนุญาต (มีบัตร หรือมีระบบตรวจสอบการเข้าออกอื่นๆ) หากเป็นพนักงาน เห็นบุคคลภายนอก ไม่ลงในชั้นอื่นๆ นอกจากที่จำกัดไว้ ก็จะเป็นความผิดปกติ ให้ตรวจสอบได้ทันที

ด้วยระบบควบคุม จำกัดการใช้ลิฟท์แบบนี้ การติดตั้งระบบ ก็จะลดลงมาก หากเทียบกับอีกระบบที่ใหญ่กว่า อย่างการที่ล็อกการเข้าใช้งานเฉพาะชั้น ที่ไม่สามารถกดลิฟตฺ์ชั้นอื่นได้เลย ได้เฉพาะชั้นที่ได้รับอนุญาตจากระบบ ซึ่งระบบใหญ่กว่า ก็ย่อมมีความปลอดภัยมากกว่า แต่อาจจะไม่ได้เหมาะกับทุกสถานที่ ดังนั้นการเลือกใช้ Solutions ที่เหมาะสมก็จะช่วยทั้งในเรื่องการใช้งานที่ง่ายและสะดวก และยังช่วยลดต้นทุนได้อีกด้วย

การใช้งานร่วมกับระบบ One Card

ระบบจำกัดการใช้ลิฟท์แบบบัตรนี้  ไม่เพียงแค่ในเรื่องของการใช้บัตรกับลิฟท์เท่านั้น แต่ยังสามารถใช้บัตรใบเดียวได้กับทุกอุปกรณ์ หากมีการติดตั้งกับเรา หรือหากมีระบบอยู่แล้วให้เราเข้าไปปรับแก้ ให้รองรับได้ทุกอุปกรณ์ เพื่อให้ได้รับความสะดวก ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ต่างๆ ของพื้นที่

ระบบ ONE CARD บัตรใบเดียวใช้ได้ทุกอุปกรณ์ของเรารองรับระบบต่างๆ ดังนี้

  1. ระบบลานจอดรถ หรือ Car Park System
  2. ระบบประตูกลอนแม่เหล็กของอาคาร หรือ ห้องสำนักงาน
  3. ระบบการจำกัดการเข้าออกของลิฟท์
  4. ระบบลงเวลางาน

จะเห็นได้ว่าเป็นระบบทั่วๆไป ที่มีการใช้งานอยู่เป็นประจำ หากต้องมีการใช้หลายๆบัตรก็อาจจะเป็นปัญหาได้ สำหรับพนักงานแล้ว หากมีการใช้บัตรพนักงานใบเดียว ได้ทุกอุปกรณ์ ก็จะเป็นเรื่องที่ง่าย และสะดวก รวมถึงลดต้นทุนของบัตรด้วยเช่นกัน หากท่านสนใจบริการร่วมกับระบบควบคุมลิฟท์ สามารถติดต่อสอบถามฝ่ายขายของเราได้ตามเบอร์ติดต่อด้านบนเว็บ

RFID

RFID คืออะไร?

RFID  เป็นชื่อของเทคโนโลยี ที่มีการใช้งานอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน หลายๆอย่างที่มีการใช้งานอยู่นั่นมีส่วนประกอบของ RFID อยู่โดยที่ท่านคาดไม่ถึง เช่นระบบ Paywave ที่ใช้เทคโนโลยีของ RFID ในรูปแบบ NFC การทาบบัตรรถไฟฟ้า การทาบบัตรเข้างาน ทั้งหมดนี้ เป็นการใช้งานระบบ RFID ทั้งสิ้น

RFID คืออะไร?

 RFID (อาร์เอฟไอดี) ย่อมาจากคำว่า Radio Frequency Identification (เรดิโอ ฟรีเควนซี่)  เห็นคำว่าเรดิโอ ก็ไม่ต้องเดาหลักการทำงาน หลักการทำงานต้องเกี่ยวข้องกับคลื่นอย่างแน่นอน คือวิทยุซะด้วย กล่าวคือเป็นการใช้ความถี่ของคลื่น ในการส่งสัญญาณไปที่อุปกรณ์เฉพาะที่มีการส่ง / อ่าน คลื่นความถี่เดียวกัน จึงจะสามารถอ่านกันได้นั่นเอง

เมื่อเป็นคลื่น ข้อดีก็คือการที่ไม่ต้องสัมผัสกับตัวเครื่อง ลืมเครื่องรูดบัตรแบบเดิมที่ๆ ที่ต้องอ่านแถบแม่เหล็ก เพราะระบบนี้ เป็นการอ่านบัตรแบบไร้การสัมผัส ContactLess ตัวบัตรไม่จำเป็นต้องสัมผัสกับเครื่องอ่าน แต่ต้องเข้าใกล้ในระยะหนึ่งๆ ตามแต่รูปแบบของคลื่นที่ทางอุปกรณ์นั้นๆ เลือกใช้

องค์ประกอบเบื้องต้นของระบบ RFID

ส่วนประกอบของระบบอาร์เอฟไอดี จะประกอบไปด้วย 3 ส่วนหลักๆดังนี้

 

G Pay ระบบจ่ายเงินผ่าน NPC ของ Google
Tag สำหรับ RFID

1. Tag หรือตัวบัตร จะเป็นในส่วนของบัตร ชิ้นอุปกรณ์พกพาต่างๆ พวงกุญแจ ใดๆก็ตามจะเป็นส่วนที่ใช้ในการยืนยันอุปกรณ์นั้นๆ เช่นบัตรพนักงาน Tag ทางด่วน Easy Pass พวงกุญแจทาบบัตร Apple watch มือถือก็นับเป็นส่วนนี้ได้ เป็นต้น

เครื่องอ่านบัตร ที่สามารถอ่าน NFC

2. ส่วนเครื่องอ่าน Reader จะเป็นส่วนที่อ่าน Tag เพื่อตรวจสอบค่าที่บันทึกไว้ในนั้น เช่นเลชบัตร ข้อมูลรายละเอียดต่างๆนั่นเอง และมือถือเองนอกจากสามารถเป็นเครื่องให้ตรวจสอบ (Tag) ก็ยังทำหน้าที่เป็นตัวอ่านได้ด้วยเช่นกัน

 

<< จากภาพเป็นการใช้เครื่องโทรศัพท์อ่านกับเครื่องอ่านบัตร NFC จากโทรศัพท์

 

3. ระบบที่ใช้ประมวลผล (Hardware) ในส่วนนี้อาจจะมีหรือไม่มีก็ได้ เช่นหากเป็นระบบใหญ่อย่างระบบลงเวลา ก็จะต้องมีคอมที่ไว้ดึงข้อมูล แต่ถ้าเป็นระบบอย่างเสากันขโมย ก็จะไม่มีในส่วนนี้

ระบบลงเวลาด้วยการทาบบัตร

ระบบลงเวลาด้วยการทาบบัตร เป็นการใช้ระบบ RFID กับ บัตรพนักงาน โดยใช้บัตรพนักงาน ทาบลงบนเครื่องที่มีตัวอ่านสัญญาณ

ระบบการเข้าออกลิฟท์

ระบบการเข้าออกลิฟท์ ทำเพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับลูกบ้าน ผู้ที่ไม่มีบัตร จะไม่สามารถกดลิฟท์ได้ ทำให้เพิ่มความปลอดภัยในการใช้ลิฟท์เพื่อเข้าห้องพัก

ระบบลานจอดรถ

ระบบลานจอดรถ ใช้การทาบบัตรเพื่อลงเวลาการเข้าออก เป็นการยืนยันสิทธิ์ของผู้ใช้บริการ ยิ่งในลานจอดรถห้างสรรพสินค้าก็สามารถใช้บัตรเพื่อตรวจสอบการเป็นเจ้าของรถได้

ระบบหอพัก ห้องพัก

ระบบหอพัก ห้องพัก ก็สามารถเลือกใช้บริการ เป็นการทาบบัตร เพื่อเข้าห้องพักได้ เพื่อความปลอดภัยในการเข้าออก ไม่ต้องใช้กุญแจ สามารถปรับให้ใช้ร่วมกับ ระบบประหยัดพลังงาน Energy Saving ได้ เมื่อออกจากห้องพักไฟก็จะปิดนั่นเอง

ระบบการชำระเงิน

การชำระเงินด้วยระบบ Paywave ด้วยเทคโนโลยี NFC เป็นการใช้บัตรเครดิตในการชำระเงิน ทางเราไม่ได้มีบริการในส่วนนี้ แต่มีส่วนที่ใกล้เคียง คือระบบจำหน่ายอาหาร ที่มีการใช้บัตรที่มียอดเงิน ชำระค่าอาหาร

ระบบเสากันขโมย

ระบบเสากันขโมย เป็นอีกระบบหนึ่งที่มีการใช้เทคโนโลยีในเรื่องของ RFID เข้ามาช่วย แต่ส่วนการทำงานจะต่างกับระบบอื่นๆนิดหน่อยตรงที่ระบบ เสากันขโมย จะร้องทันที ถ้ามีการนำ TAG  ผ่านเสาของระบบ ซึ่งทางเราก็มีให้บริการ

ระบบทางเข้าออก ระบบรถไฟฟ้า ระบบสวนสนุก

ระบบทางเข้าออก ระบบรถไฟฟ้า ระบบสวนสนุก รวมไปถึงการเข้าออกโรงงานต่างๆ ก็มีการใช้งานร่วมกับเครื่องกั้นสามขา พร้อมติดหัวอ่านบัตร RFID / Barcode เพื่อตรวจสอบการเข้าออก ไม่ให้ผู้ที่ไม่พึงประสงค์แอบเข้าไปได้

ระบบอื่นๆ

ปัจจุบันมีการนำระบบไปใช้ทำอย่างอื่น เช่น ระบบ E-stamp สำหรับบันทึกส่วนลด ระบบ Easy Pass สำหรับทางด่วน จนไปถึงทางการแพทย์อย่าง ระบบตรวจเลือดเบาหวานด้วยอุปกรณ์ฝัง อ่านค่าผ่าน App และแน่นอนว่า เทคโนโลยีจะยังคงถูกพัฒนาต่อไปอีกหลายรูปแบบ

การแบ่งรูปแบบของ RFID

เราสามารถแบ่งระบบ RFID ได้ 2 รูปแบบใหญ่ๆ ได้เป็น แบบแบ่งตามระยะการอ่านของหัวอ่าน กับแบบแบ่งตามมาตรฐานคลื่น ซึ่งการแบ่งรูปแบบของ RFID ในรูปแบบระยะจะง่ายกว่า เพราะเป็นการแบ่งโดยกว้างไม่เจาะลึกในรายละเอียด แต่ก็พอจะทำให้เห็นภาพได้ว่า แต่ละแบบต่างกันอย่างไร และเหมาะสมกับระบบใดบ้าง จะขอยกตัวอย่างดังนี้

การแบ่งรูปแบบของ RFID โดยแบ่งตามระยะการอ่าน

ระยะใกล้
Short Range

ระยะเริ่มต้น ตั่งแต่ 0 - 5 cm

สามารถจับภาพผู้ทาบบัตรได้ เนื่องจากระยะใกล้มาก

นิยมใช้กับเครื่องทาบบัตรต่างๆ ทางเข้าออกอาคาร

บัตรมีราคาถูก

ระยะกลาง
Middle Range

ระยะการอ่านตั้งแต่ 0 - 90 cm

นิยมใช้กับระบบลานจอดรถ เนื่องจากอ่านได้ไกลพอสมควร

สามารถอ่านทะลุวัตถุได้ เช่นกระจกรถ กระเป๋าเงิน

ราคาบัตรไม่สูงมากนัก

ระยะไกล
Long Range

ระยะการอ่านไกลมาก สูงสุดถึง 15 เมตร

นิยมใช้กับระบบทางเข้าออกหมู่บ้าน เนื่องจากไม่ต้องจอดรถ

สำหรับระบบ Bluetooth สามารถอ่านทะลุกระจกได้

การแบ่งรูปแบบของ RFID ด้วยชนิดของคลื่นสัญญาณ

การแบ่งโดยรายละเอียดแบบนี้ จะบอกได้คร่าวๆ ถึงชื่อของรูปแบบ ระยะในการใช้งาน เพื่อให้ทราบถึงข้อจำกัดของหัวอ่านบัตร RFID ในแต่ละคลื่น

Proximity

เป็นคลื่น RFID ที่บัตรคลื่นนี้ ได้รับความนิยมในการใช้มากที่สุด มีอีกชื่อว่า 125kHz (เป็นชื่อตามความถี่) มีราคาบัตรที่ถูก แต่มีระยะการอ่านที่กว้าง เริ่มตั้งแต่ 0 - 90 cm ตามแต่ราคา และคุณภาพบัตร และหัวอ่าน

Mifare

Mifare  13.56 mHz เป็นบัตรที่มีระยะการอ่านที่สั้นที่สุด คือไม่เกิน 10 cm มักพบตามเครื่องสแกน Access Control มักนิยมใช้เป็นบัตรพนักงาน ราคาบัตรไม่สูงมากนัก

UHF

หัวอ่านบัตร ระยะ 0 - 5 เมตร เป็นหัวอ่านบัตรที่มีราคาสูงขึ้นมาอีกหน่อย แต่มีปัญหาเรื่องผิดกฏหมายมากที่สุด ต้องมีการขออนุญาตก่อนใช้งาน หรือต้องมีการปรับแต่งให้ใช้งานได้โดยไม่มีปัญหา ปัจจุบันไม่ค่อยมีผู้จำหน่าย (แต่เรามีจำหน่าย)

หัวอ่าน Bluetooth

หัวอ่านที่อ่านได้ไกล ราคาหัวอ่านไม่แพงเท่า UHF อ่านได้ตั้งแต่ 0 - 15 เมตร แต่แลกมาด้วยราคาบัตรที่แพงเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นบัตร RFID ที่มีการใช้ถ่านเข้ามาช่วยเพิ่มระยะบัตร มักพบตามหมู่บ้านที่มีราคาแพง หรือเป็นบัตรของผู้บริหาร เนื่องจากอ่านได้ไกลมาก

ด้วยข้อมูลทั้งหมดที่ได้กล่าวมา จะทำให้เห็นภาพได้ว่า ที่องค์กรของคุณ ใช้บัตรรูปแบบใดอยู่ ภาพและรายละเอียดที่ยกตัวอย่าง เป็นเพียงส่วนเล็กๆ ที่จะสามารถอธิบายถึงระบบ RFID ได้ จริงๆแล้วระบบอาร์เอฟไอดี มีการใช้งานที่หลากหลายรูปแบบ มีการปรับใช้ในเรื่องการนับสต๊อก การปศุสัตว์ต่างๆ อีกมากมาย ที่ทางเราไม่ได้ยกตัวอย่าง อยู่ที่การปรับใช้ระบบให้เหมาะกับองค์กรของท่าน หากท่านต้องการทราบรายละเอียดที่มากขึ้น หรือมีโปรเจ็กท์ที่ต้องการปรึกษา สามารถโทรสอบถาม ทีมงานฝ่ายขายของเราได้